วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555




สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล

มหาวิทยาลัยบูรพา  จ.ชลบุรี

ภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลประกอบด้วยการจัดแสดง 2  ส่วน คือ
 
        ส่วนแรก   จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจทางด้านการฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และด้านวิทยาศาสตร์การประมง





           ส่วนที่สอง  จัด แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องราวของทะเล ระบบนิเวศ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล รวมทั้งความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ ดังมีรายละเอียดดังนี้
          1. นิทรรศการเรื่องราวของอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตในทะเล โดย ให้ความรู้ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆที่อาศัยอยู่ในทะเล คือ แพลงก์ตอนซึ่งมีบทบาทสำคัญของห่วงโซ่อาหารในทะเล สาหร่าย และหญ้าทะเล ฟองน้ำ สัตว์ที่มีโพรงลำตัว เช่น ปะการัง ดอกไม้ทะเล แมงกะพรุน เป็นต้น สัตว์จำพวกหนอนทะเล เช่น หนอนตัวแบนหนอนปล้อง หนอนริบบิ้น เป็นต้น สัตว์จำพวกหอย เช่น หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หมึก และหอยงวงช้าง เป็นต้น สัตว์ที่มีข้อปล้องในทะเล เช่น ปู กุ้ง กั้ง และแมงดาทะเล เป็นต้น สัตว์จำพวกคอร์เดทในทะเล เช่น เพรียงหัวหอม แอมฟิออกซัส และสัตว์ทะเลที่มีกระดูกสันหลัง ชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลาทะเล โลมา พะยูน เต่าทะเล และจระเข้น้ำเค็ม รวมทั้งเรื่องราวของทะเล และสิ่งมีชีวิตในทะเลยุคดึกดำบรรพ์ เป็นต้น
          2. นิทรรศการเรื่องราวของทะเล และระบบนิเวศในทะเล ในส่วนนี้จะกล่าวถึงการแบ่งเขตของทะเล และระบบนิเวศต่างๆในทะเล รวมทั้งพืช และสัตว์ทะเลที่อาศัยอยู่ในแต่ละระบบนิเวศ โดยเริ่มตั้งแต่ ระบบนิเวศของป่าชายเลน ระบบนิเวศหาดหิน ระบบนิเวศหาดทราย และหาดโคลน ระบบนิเวศแนวปะการัง เป็นต้น
         3. นิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เป็นส่วนที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของทะเลที่มีต่อมนุษย์ เช่น เป็นแหล่งทำการประมงโดยใช้เครื่องมือประมงทะเล เช่น โป๊ะ และเรือประมงทะเลชนิดต่างๆ เป็นเส้นทางค้าขาย และเดินทางติดต่อกันของมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งต้องพบกับอุปสรรคนานาประการจากคลื่น ลม และพายุ จนทำให้เรืออัปปางเกิดเป็นเรื่องราวของการขุดค้น และศึกษาโบราณคดีใต้น้ำเป็นต้น
             4. ห้องพิพิธภัณฑ์เปลือกหอย และวิวัฒนาการของหอย ในห้องนี้จะจัดแสดงเกี่ยวกับเปลือกหอยที่พบในทะเลกลุ่มต่างๆ ได้แก่ ลิ่นทะเล หอยฝาเดียว หอยฝาคู่ หอยงวงช้าง และหอยงาช้าง เป็นต้น รวมทั้งนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับหอยแต่ละกลุ่ม วิวัฒนาการของหอยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และการแบ่งกลุ่มของหอยที่มีอยู่ในโลก

ราชาแห่งท้องทะเล คือ ฉลาม




          เมื่อสี่ร้อยล้านปีก่อน เมื่อครั้งที่โลกยังเต็มไปด้วยสัตว์ดึกดำบรรพ์ ฉลามได้ถือกำเนิดขึ้นในโลก เหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปในประวัติศาสตร์ ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขึ้นมาครองโลกแทน แต่ราชาแห่งท้องทะเลคงเป็นฉลามเช่นเดิม ในบรรดาปลากว่า 21,000 ชนิดทั่วโลก จัดเป็นปลาในกลุ่มฉลาม 350 ชนิด และมีเพียง 30 ชนิดเท่านั้นที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์
ปัจจุบันปลาฉลามถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกันคือ

          1.กลุ่มปลาฉลามผิวน้ำ มีรูปร่างปราดเปรียวและว่ายน้ำตลอดเวลา ลักษณะของฟันเป็นฟันมีความแหลมคมประดุจมีดโกนเรียงกันเป็นแถวอยู่ภายในปาก
          2.
กลุ่มปลาฉลามหน้าดิน มีนิสัยชอบกบดานอยู่นิ่งๆมากกว่าเคลื่อนที่ ฟันมีลักษณะเป็นฟันขบ กินซากสัตว์ที่ตายแล้วเป็นอาหาร ไม่ค่อยดุร้ายและส่วนใหญ่มีนิสัยขี้เล่นปลาฉลามที่พบในประเทศไทยมีประมาณ 30 ชนิด แต่ในที่นี้จะขอแนะนำให้ท่านรู้จักดังนี้
                    1.
ปลาฉลามเสือ (Tiger shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Galeocerdo cuvier เป็นปลาฉลามขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 6 เมตร หัวมีลักษณะค่อนข้างป้าน ไม่เรียวแหลมเหมือนฉลามชนิดอื่น มีลายข้างลำตัวคล้ายกับลายของเสือ เมื่อโตขึ้นลายจางลง ปลาฉลามเสือจัดเป็นฉลามที่ดุร้ายที่สุดในน่านน้ำไทย มีนิสัยกินไม่เลือก ค่อนข้างหวงถิ่นและจะดุร้ายเฉพาะเวลาที่มีลูกอ่อน พบได้บริเวณชายฝั่งทะเลทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน ปัจจุบันมีจำนวนลดลงอย่างมากจนพบได้ยาก
                    2.
ปลาฉลามหูดำ (Blacktip Reef Shark) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus melanopus จัดเป็นปลาฉลามขนาดเล็ก ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1.5 เมตร มีลักษณะเด่นตรงที่บริเวณปลายครีบกระโดงทั้งสามจะมีสีดำ ลำตัวมีสีเทาปนเหลือง ส่วนท้องมีสีขาว มีนิสัยไม่ก้าวร้าว และไม่ยอมเข้าใกล้มนุษย์มากนัก เป็นปลาฉลามที่พบได้บ่อยที่สุดในน่านน้ำไทย พบได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน บริเวณแนวปะการังที่มีน้ำตื้น
                    3.
ปลาฉลามครีบเงิน ( Siver Tip Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus melanopus ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 3 เมตร เป็นฉลามที่มีรูปทรงสมส่วนสวยงาม มีจุดเด่นคือมีแต้มสีขาวบริเวณปลายหางและครีบกระโดงทั้งสาม ชอบอาศัยอยู่ตามบริเวณชายฝั่งทะเลทั่วไป ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จัดเป็นฉลามที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เมื่อถูกรบกวน แต่จะไม่ทำร้ายมนุษย์ก่อน
                     4.
ปลาฉลามสีเทา( Grey Reef Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carcharhinus amblyrhynchus มีรูปร่างคล้ายปลาฉลามครีบเงินมาก แต่มีขนาดเล็กกว่าเป็นปลาฉลามที่มีลีลาท่าทางสง่างามมีความเฉพาะตัวในเวลาข่มขู่ศัตรูโดยการงอลำตัวและยกครีบหลังขึ้นสูงปล่อยให้กระโดงด้านข้างตกลงแนบชิดกับลำตัวก่อนเข้ามาใกล้ผู้บุกรุกเพื่อโจมตี มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ตามแนวปะการัง เป็นฉลามที่ค่อนข้างก้าวร้าวและหวงถิ่น พบได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
                      5.
ปลาฉลามหัวค้อน( Hammerhead Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sphyrna lewini เป็นฉลามที่มีรูปร่างแปลกกกว่าปลาฉลามชนิดอื่น มีลักษณะเด่นคือมีส่วนหัวที่ยื่นยาวออกไป เหมือนค้อนตอกตะปู ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 4 เมตร มีนิสัยไม่ก้าวร้าวแต่อาจทำอันตรายต่อมนุษย์ได้ พบทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ปัจจุบันมีจำนวนลดลงจนพบได้น้อยมาก

                     6.
ปลาฉลามทราย ( Nurse Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chiloscyllium indicum มีชื่อเรียกแตกต่างกันเช่นฉลามดุก ฉลามขี้เซา ฉลามพยาบาล เป็นต้น ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 3 เมตร จัดเป็นปลาฉลามที่อาศัยหากินอยู่ตามพื้นทราย มีนิสัยรักสงบไม่ก้าวร้าวเมื่อไม่ถูกรบกวน มักพบอาศัยอยู่ตามโพรงหิน หรือในถ้ำใต้น้ำ ในเวลากลางวันและออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืน
                     7.
ปลาฉลามวาฬ ( Whale Shark) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhincodon typus จัดเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โตเต็มที่มีความยาวถึง 18 เมตร แต่ที่พบโดยทั่วไปมีความยาวประมาณ 7-8 เมตร เป็นปลาฉลามที่มีนิสัยน่ารัก กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร เป็นปลาที่ชาวประมงคุ้นเคยดี และยกย่องให้เป็นปลาเทพเจ้าโดยเชื่อกันว่าถ้ามีผู้ใดทำร้ายปลาฉลามวาฬจะทำให้ท้องทะเลปั่นป่วน ปลาฉลามวาฬสามารถ พบได้ทั้งทางฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามัน
                     8.
ปลาฉลามกบ ( Brown-band Bamboo Shark ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chiloscyllium punctatum เป็นฉลามหน้าดินที่มีขนาดเล็ก จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับปลาฉลามหิน ขนาดโตเต็มที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร รูปร่างลักษณะมีลำตัวเรียวยาว ส่วนหัวและลำตัวใหญ่ จะงอยปากกว้าง มีตาขนาดเล็ก ครีบหางแฉกบนโค้งเรียวยาวกว่าแฉกล่าง ในลูกปลาวัยอ่อนจะมีลายเป็นแถบสีขาวสลับดำคาดตามขวางลำตัวและจะค่อยๆจางลงเมื่อโตขึ้น
                      9.
ปลาฉลามเสือดาว ( Leopard Shark )มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Stegostoma f asciatum เป็นฉลามหน้าดินขนาดปานกลาง มีความยาวประมาณ 2 เมตรชอบนอนนิ่งนิ่งอยู่กับพื้นท้องทะเล มีนิสัยขี้เล่นไม่ดุร้าย เมื่อยังมีขนาดเล็กจะมีลายตามลำตัว เมื่อโตขึ้นลายตามลำตัวจะจางหายไป และเปลี่ยนเป็นจุดคล้ายจุดของเสือดาว
                       ส่วนฉลามขาวนั้นถือว่าน่าเกรงขามที่สุด พวกเราคงพอจะรับรู้ถึงความดุร้ายของมันดี ฉลามขาว หรือ Great white shark มีลักษณะ พิเศษ คือ ช่วงหน้าท้องจะเป็นสีขาว และส่วนอื่นๆจะเป็นสีเทา เพื่อให้ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ และเพื่ออำพรางตัวในการล่าเหยื่อเช่น มนุษย์เรา บางคนที่ไม่ค่อยรู้เวลาลงทะเล อยู่ใกล้ฉลามถึง 15 ฟุตแล้วยังไม้รู้สึกตัว ปลาฉลามมีเยอะในประเทศ นิวซีแลนต์ ญี่ปุ่น และ มหาสมุทรน้ำลึก ปลาฉลามได้กลิ่นเลือดในน้ำ 22 ออนซ์
ลักษณะการจู่โจมของฉลามมี 3 แบบ คือ 1. ว่ายแล้วชน 2. ชนแล้วหนี 3. ชนแล้วรับประทาน ฉลามมีฟันที่แหลมคม ลักษณะเป็นสามเหลี่ยมคล้ายใบเลื่อย หากโดนกัดก็จะเป็นแผลเหวะหวะ เลือดไหลมาก โดยปกติแล้วปลาฉลามมักจะหลบหลีกมนุษย์และจะไม่เข้าโจมตีมนุษย์ก่อนและมักจะเข้าโจมตีมนุษย์ก็ต่อเมื่อต้องการอาหารหรือได้กลิ่นคาวเลือด เนื่องจากปลาฉลามมีระบบประสาทที่ไวต่อการรับความรู้สึก หรือถ้าหากท่านจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับปลาฉลามที่ดุร้าย จะต้องตั้งสติให้ดีและ ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป ควรค่อยๆ ถอยห่างอย่างช้าๆ และรีบขึ้นจากน้ำโดยเร็ว หากจำเป็นต้องเผชิญหน้าในระยะใกล้ตัว จะต้องโจมตีจุดอ่อนของปลาฉลามซึ่งเป็นจุดรวมของระบบประสาทอยู่บริเวณปลายจมูก โดยใช้กำปั้นหรือของแข็งๆที่นำติดตัวมา ปลาฉลามจะตกใจและว่ายหนีไป หากเสียเลือดหรือได้รับบาดเจ็บจะ ต้องรีบขึ้นจากน้ำทันทีเนื่องจากเลือดเป็นตัวกระตุ้นระบบรับสัมผัสของปลาฉลามเป็น
อย่างดี









  ราชินีแห่งท้องทะเลคือ  ทากทะเล


ข้อมูลทั่วไป
          ทากทะเลเป็นสัตว์ใน Phylum Mollusca จัดอยู่ใน Class Gastropoda ใน Subclass Opisthobranchia ทากทะเลในโลกมีมากกว่า 3,000 ชนิด ในเมืองไทยมีการศึกษาน้อยมาก เท่าที่มีรายงานโดยภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ พบประมาณ 80 ชนิด

ความสำคัญ
         ทากทะเลเป็นสัตว์ขนาดเล็ก แต่มีความสวยงามมาก เป็นที่สนใจของนักดำน้ำและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับทะเลทั่วไป โดยจะเห็นได้จากหนังสือเกี่ยวกับทากทะเลโดยเฉพาะ มีจำหน่ายหลายเล่ม และยังมี Website เกี่ยวกับทากทะเลโดยเฉพาะ หลายแห่งทั่วโลก





          ทากทะเลมีพฤติกรรมที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีความหลากหลายมาก จึงมีความสำคัญต่อการศึกษาและการอนุรักษ์ทะเลไทยโดยรวม

การใช้ประโยชน์
          ทากทะเลเกือบทั้งหมดมีขนาดเล็ก ไม่ได้นำไปประกอบอาหาร ไม่สำคัญทั้งประมงพื้นบ้านและอุตสาหกรรมการประมงของประเทศไทย
           ปัจจุบันมีการจับทากทะเลบางชนิด มาขายเพื่อเป็นสัตว์สวยงามในแนวปะการัง แต่ไม่ได้ระบุชนิดแน่นอน เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นกับว่าจับทากทะเลชนิดไหน


ปลาเศรษฐกิจ

 

มี 11 ชนิด ได้แก่
ปลาค้างคาว
ปลานวลจันทร์
ปลาเฉลียบ
ปลานกกระลิง
ปลาหมอสีแก้มแดง
ปลากะพง
ปลาสร้อยนกเขา
ปลากะรัง
ปลาอินทรี
ปลาดุกทะเล
ปลาจาระเม็ด




เต่าทะเล

วิวัฒนาการของเต่าทะเล  
          เต่าได้พัฒนาสายพันธุ์โดยเป็นการวิวัฒนาการของสัตว์เลื้อยคลานในยุค TRIASSIC เมื่อ 200 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นยุคของไดโนเสาร์ ตอนแรกเข้าใจว่าเต่ามีฟันแหลมคมเช่นเดียวกับฉลาม เต่าบางชนิดอาศัยในพื้นที่ที่มีน้ำ บางชนิดอาศัยเฉพาะบนบก และมีบางชนิดดำรงชีวิต เฉพาะในน้ำเท่านั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้เต่าทะเลจะดำรงชีวิตในทะเล แต่ก็ยังคงคุณลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานทั่วไป เต่าทะเลมีกระดอง เป็นเกล็ดปกคลุมร่างกาย ยกเว้นเต่ามะเฟือง ที่สิ่งห่อหุ้มร่างกาย มีลักษณะเหมือนหนังแหล่งอาศัยของเต่าทะเล จะไม่พบในบริเวณทื่อุณหภูมิ ของน้ำทะเลแตกต่างจากอุณหภูมิในร่างกายของมัน ดังนั้นจึงพบเต่าทะเลอาศัยอยู่ทั่วไปในเขตร้อยและเขตอบอุ่น เว้นเต่ามะเฟือง ที่สามารถ ปรับตัวให้ดำรงชีวิตในบริเวณน้ำเย็นได้ ข้อสรุปอีกประการหนึ่งที่เต่าทะเลยังคงคล้ายคลึงกับสัตว์เลื้อยคลาน คือ มีอายุยืนและอดอาหารได้เป็น เวลานาน ส่วนเรื่องของอายุขัยของเต่าทะเลยังไม่ทราบชัดเจน แต่คาดว่ามากกว่า 50 ปี การที่เต่าทะเลสามารถดำรงชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากการที่เต่ามีกระดองที่ช่วยในการป้องกันอวัยวะภายในได้เป็นอย่างดี เต่าทั่วไปกระดองจะเป็นรูปโคม เพื่อให้หัวและขาหดเข้าไปได้ เป็นการป้องกันอันตรายจากสัตว์อื่นที่จะทำร้าย ส่วนเต่าทะเลนั้น ไม่สามารถหดหัวและขาเข้าไปกระดองได้
          เนื่องจากการที่ดำรงชีวิตอยู่ในน้ำตลอดเวลา ทำให้กระดองได้วิวัฒนาการรูปร่างให้เหมาะสมในการว่ายน้ำ นอกจากนี้เต่าทะเลยังพัฒนา รูปร่างใหญ่กว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ทำให้ลำไส้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นการช่วยย่อยอาหารได้ดีขึ้น รวมทั้งการที่มีไขมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ทำให้การดำรงพันธุ์ดีกว่า ส่วนที่เป็นขาของเต่าบกพัฒนาเป็นรูปพายแบนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการว่ายน้ำ พายคู่หน้าใช้ในการผลักดัน และพุ้ยน้ำ ส่วนพายคู่หลังใช้เป็นเหมือนหางเสือกำหนดทิศทาง เต่าทะเลบางตัวสามารถที่จะว่ายน้ำได้เร็วถึง 35 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือสามารถที่จะ ว่ายน้ำในมหาสมุทรเป็นร้อยๆ ไมล์ การที่เท้าพัฒนาเป็นพายก็มีผลเสียที่ทำให้เคลื่อนไหวบนบกได้ช้า ซึ่งผิดแผกจากเต่าบกหรือเต่าน้ำจืดที่ยังเดิน ได้ดี ทั้งนี้ เต่าทะเลตัวเมียยังมีความจำเป็นที่จะต้องคลานขึ้นมาวางไข่บนหาดทราย เต่าทะเลที่คลานบนบกก็มีลักษณะเช่นเดียวกับสัตว์บก คือ เดินทีละข้าง ยกเว้นเต่าตะนุที่เวลาคลานจะเคลื่อนพายไปในทิศทางเดียวพร้อมกัน
          เต่าทะเลทุกชนิดมีการวิวัฒนาการตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในทะเล และลดการแก่งแย่งกันเอง เช่น การกินอาหารที่แตกต่างกัน การขึ้นมาวางไข่บนหาดที่มีลักษณะและช่วงเวลาที่แตกต่างกัน กระดองก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปรได้ตามสิ่งแวดล้อม เช่น เต่ากระมีสีของกระดอง เข้าสภาพของปะการัง กระดองสีเข้มของเต่าตะนุก็กลมกลืนกับแหล่งหญ้าทะเลที่หากิน เต่าหัวฆ้อนมีขากรรไกรที่เหมาะในการกินหอยและปู ปากที่แหลมคล้ายเหยี่ยวของกระก็ทำให้กินอาหารพวกฟองน้ำตามหินผาได้น้ำสะดวก



เต่าทะเลมี 7 ชนิด ได้แก่
เต่ามะเฟือง
เต่าตนุ
เต่ากระ
เต่าหลังแบน
เต่าหัวค้อน
เต่าหญ้า
เต่าหญ้าแอตแลนติก

          การเข้าศึกษานอกสถานที่ ณ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพาในครั้งนี้ ทำให้ได้รับความรู้มากมายเกี่ยวกับสัตว์ทะเล และอุปกรณ์สื่อต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดง
          สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล เป็นแหล่งทรัพยากรอีกหนึ่งแห่ง ที่สามารถให้ความรู้แก่ผู่ที่สนใจ ให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนานแก่ผู้ที่มาเยี่ยมชม สามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ด้วยสื่ออุปกรณ์ที่ดีเยี่ยม         

 

 

 

ฟังวิทยากรบรรยายวิธีการเข้าชม









เข้าชมภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล พร้อมฟังวิทยากรบรรยายถึงสัตว์ทะเลต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงภายใน




ป้ายนิเทศ ให้ความรู้เรื่องเต่าทะเล


แผนภูมิต้นไม้แสดงถึงอาณาจักรสัตว์ใต้ทะเล



ป้ายนิเทศน์แสดงข้อมูลระบบนิเวศหาดทราย





เต่าทะเลจำลองที่จัดแสดงภายในตู้อันตรทัศน์



ป้ายนิเทศให้ข้อมูลเรื่องสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ


นิทรรศการแสดงข้อมูลความรู้ เรื่องแมงกะพรุน และสัตว์มีพิษนานาชนิด


นิสิตถ่ายรูปกับหอยงวงช้าง ฟอสซิลมีชีวิต














นิสิตถ่ายรูปกับสื่อและวัสดุกราฟฟิกต่าง ๆ สัตว์ทะเล ที่จัดแสดงภายในสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล
มหาวิทยาลัยบูรพา จังหววัดชลบุรี






วิทยากรกล่าวสรุปการเยี่ยมชมสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลทั้งหมด
นิสิตกล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกแก่วิทยากรผู้ให้ความรู้และนำเที่ยวชมนิทรรศการต่าง ๆ




อาจารย์และนิสิตคณะศึกษาศาสตร์  สาขาการสอนภาษาอังกฤษถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก


อาจารย์และนิสิตคณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาอังกฤษ ,
 สาขาเทคโนโลยีทางการศึกษา ภาคปกติ ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก



1 ความคิดเห็น:

  1. เจ๋งอ่า สุดยอดมาก เพจสวยมากเลย เนื้อหาก็แน่น ^^

    ตอบลบ